ประวัติความเป็นของกีฬาและกติกา การเล่นตะกร้อ พร้อมแนะนำตำนานนักตะกร้อไทย
เจาะลึกประวัติกีฬาประจำชาติของไทยอย่าง การเล่นตะกร้อ และศึกษากฎกติกาไปพร้อมกับทำความรู้จักนักตระกร้อไทยระดับตำนาน
การเล่นตะกร้อ กำเนิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และใครเป็นผู้คนคิดค้น?
ตะกร้อไทย มีมาอย่างยาวนาน พบหลักฐานบันทึกตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยบาทหลวงเดรียง โลเนย์ ชาวฝรั่งเศสระบุว่า ชาวสยามชอบเล่นตะกร้อมาก และเมื่อมาถึงยุคธนบุรี ก็ยังได้พบบันทึกเกี่ยวกับ ตะกร้อไทย อีกว่าชาวสยามชอบเล่นตะกร้อในยามว่างเพื่อออกกำลังกาย
ต่อมาก็ได้มีการพัฒนาการเล่นมาเรื่อยๆ ซึ่งมักจะจัดตามงานวัด หรือตามงานท้องสนามหลวง เป็นต้น นอกจากนั้นในมาเลเซีย ก็พบหลักฐานการเล่นตะกร้อที่เรียกว่า “เซปัก รากา จาริง” ซึ่งมีลักษณะการเล่นคล้ายคลึงกับ ตะกร้อไทย โดยพบหลักฐานครั้งแรกในวรรณคดีมาเลเซียโบราณที่มีอายุกว่า 500 ปี
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์จึงทำให้สรุปได้ว่า การเล่นตะกร้อมีมานานแล้วในทั้งสองประเทศ และมีลักษณะการเล่นที่คล้ายคลึงกัน จึงน่าจะมีต้นกำเนิดมาจากทั้งสองประเทศ และมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันระหว่างสองประเทศ
ในปี พ.ศ. 2508 สมาคม กีฬาเซปักตะกร้อ จากประเทศไทยและมาเลเซียได้ร่วมกันพัฒนากีฬาตะกร้อให้เป็นกีฬาสากล โดยได้กำหนดกติกาการเล่นร่วมกัน และตั้งชื่อกีฬานี้ว่า กีฬาเซปักตะกร้อ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างคำว่า “เซปัก” ในภาษามาเลเซีย และคำว่า “ตะกร้อ” ในภาษาไทย
ในปัจจุบันกีฬาตะกร้อได้รับการยอมรับให้เป็นกีฬาสากล โดยสหพันธ์ตะกร้อนานาชาติ (ISTAF) จัดการแข่งขัน กีฬาเซปักตะกร้อ ในระดับนานาชาติเป็นประจำทุกปี
กติกา ตะกร้อไทย มีอะไรบ้าง?
กฎกติกาของ ตะกร้อไทย กำหนดโดยสหพันธ์ตะกร้อนานาชาติ (ISTAF) แบ่งออกเป็น 18 ข้อ ดังนี้
- สนามแข่งขัน สนามแข่งขันเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาว 13.40 เมตร กว้าง 6.10 เมตร พื้นสนามเป็นพื้นเรียบ พื้นไม้หรือพื้นยางก็ได้ เส้นสนามมีความกว้าง 4 เซนติเมตร
- เสาต้องตั้งอยู่ตรงกลางสนาม ห่างเส้นข้าง 30 เซนติเมตร เสาสูง 1.55 เมตร สำหรับประเภทชาย และ 1.45 เมตร สำหรับประเภทหญิง
3. ลูกตะกร้อต้องทำจากหวายสาน เส้นผ่าศูนย์กลาง 40-44 เซนติเมตร น้ำหนัก 140-150 กรัม
- แต่ละทีมมีผู้เล่น 5 คน ยืนอยู่ในสนาม ผู้เล่นแต่ละคนต้องสวมชุดกีฬาสีเดียวกัน สวมรองเท้ากีฬาที่ยึดเกาะพื้นได้ดี
- ก่อนเริ่มเล่น ผู้เล่นทั้งสองทีมยืนอยู่ในสนาม โดยแต่ละทีมยืนในแดนของตนเอง ผู้เล่นคนหนึ่งจากทีมหนึ่งจะเป็นผู้ส่งลูกตะกร้อ
- การส่งลูกต้องส่งจากพื้นสนามในเขตส่งลูก ผู้เล่นต้องส่งลูกข้ามตาข่ายไปให้ผู้เล่นในแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง
- ผู้เล่นสามารถตีลูกตะกร้อได้โดยใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายก็ได้ ยกเว้นศีรษะและแขนท่อนล่าง
- ทีมที่ตีลูกตะกร้อให้ตกลงในแดนของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้คะแนน 1 คะแนน
- เมื่อทีมใดได้คะแนน ทีมนั้นจะต้องเปลี่ยนแดน
- ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนกันได้ในระหว่างการแข่งขัน ผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนออกสามารถกลับเข้าเล่นได้อีกครั้ง
- การเล่นนอกกติกาจะถูกลงโทษตามกฎ
- การแข่งขันต้องมีกรรมการผู้ตัดสิน 2 คน ทำหน้าที่ตัดสินการแข่งขัน
- การแข่งขันประกอบด้วย 2 แมทช์ แต่ละแมทช์มี 3 เซ็ต เซ็ตละ 21 คะแนน ทีมใดที่ได้คะแนนมากกว่าในเซ็ตนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ ทีมที่ชนะ 2 เซ็ตก่อนจะเป็นฝ่ายชนะการแข่งขัน
นอกจากนี้ ยังมีกฎกติกาย่อยอื่นๆ ที่กำหนดเพิ่มเติม เช่น กฎการตีลูกเหนือตาข่าย กฎการตีลูกข้ามตาข่าย กฎการตีลูกกลับแดน เป็นต้น ผู้เล่นควรศึกษากฎกติกาของกีฬาตะกร้ออย่างละเอียดก่อนลงแข่งขัน
ตำนานนักตะกร้อขวัญใจชาวไทย สืบศักดิ์
สืบศักดิ์ ผันสืบ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โจ้ หลังเท้า” เป็นผู้เล่น กีฬาเซปักตะกร้อ ทีมชาติไทย ตำแหน่งแบ็ก ริ่มต้นเล่นตะกร้อตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เขาประสบความสำเร็จอย่างสูงในวงการตะกร้อ เป็นเจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 12 เหรียญ และเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 7 เหรียญ เป็นนักกีฬาตะกร้อคนแรกของโลกที่ครองแชมป์ซีเกมส์ 4 สมัยติดต่อกัน (พ.ศ. 2540-2543)
สืบศักดิ์ถือเป็นตำนานนักตะกร้อของไทย ได้รับการยกย่องจากวงการตะกร้อทั่วโลกว่าเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก ผลงานของเขามีส่วนสำคัญในการทำให้กีฬาตะกร้อของไทยประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ
บทสรุปกีฬาประจำชาติไทยอันน่าสนใจ
กีฬาเซปักตะกร้อ ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศอาเซียน โดยทีมชาติไทยและมาเลเซีย ผู้ที่ได้ชื่อว่าต่างก็เป็นต้นกำเนิดของตะกร้อ ต่างก็เปรียบเสมือนคู่อริกันในสนามแข่งขัน ที่ต้องการแย่งความเป็นที่ 1 ไปให้ได้ นั่นจึงทำให้กตะกร้ามีความสนุกเร้าใจเสมอ เมื่อได้รับชมการแข่งขัน UFABET
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ xn--12ct4ap8bj4eva5b4gxe